รวม 17 ร้านกาแฟเด็ดในเชียงใหม่ สำหรับคอกาแฟตัวจริง!!

หนาวนี้ ใครมีแผนจะขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาวที่เชียงใหม่ “เมืองหลวงกาแฟของไทย” ต้องห้ามพลาดแวะชิมกาแฟกันนะครับ แต่เนื่องจากร้านกาแฟในเชียงใหม่มีมากกว่าร้าน 7-11 เราเลยขอเลือกร้านเด่นที่เน้นเรื่องคุณภาพกาแฟจริงๆ มานำเสนอให้คอกาแฟลองเลือกชิมดูครับ..โดยร้านเหล่านี้เป็นร้านที่เลือกใช้เมล็ดกาแฟคั่วคุณภาพสูง ผ่านการคัดเลือกจากแหล่งผลิตที่ให้ผลผลิตที่ดี คั่วด้วยความเอาใจใส่ จากโรงคั่วในตำนาน Happy Espresso ซึ่งเมื่อประกอบกับการชงโดยบาริสต้าฝีมือเยี่ยมแล้ว..บอกเลย แก้วเดียวไม่เคยพอแน่นอนครับ!
1. ร้าน A/SA/MA Cafe’ (อสมา)
ร้านกาแฟเล็กๆ ริมบึง อยู่แถวถนนเลียบคลองชลประทาน บรรยากาศสงบ ไม่พลุกพล่าน เสิร์ฟกาแฟเบลนด์พิเศษที่คั่วมาเฉพาะ และหาดื่มได้เฉพาะที่ร้านนี้เท่านั้น รสชาติกาแฟฟรุ๊ตตี้นวลๆ เกิดจากการคั่วกาแฟนอกผสมกาแฟไทยในระดับกลาง ผ่านการบดชงอย่างพิถีพิถันโดยคุณมุกเจ้าของร้านผู้หลงใหลในการชงกาแฟอย่างแท้จริง และมีดีกรีแชมป์บาริสต้าจากหลายเวทีเป็นเครื่องยืนยัน และเครื่องชงกาแฟในตำนานระดับ Hi-End อย่าง Spirit จากค่าย Kees Van der Westen นอกจากกาแฟที่เป็นจุดเด่นแล้ว ร้าน A/SA/MA ยังมีเค้กหลากหลายรสชาติให้เลือกทานคู่กับกาแฟอีกด้วย
ร้านเปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 ยกเว้นวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน
FB: asamacafe Tel: 0815305388asama

Asama
2. ร้านศาลากาแฟ (Sala Café’)
ร้านกาแฟแนวธรรมชาติ โอบล้อมด้วยขุนเขา สวยงาม ร่มรื่น ตั้งอยู่ในย่านท่องเที่ยว อำเภอแม่ริม บริเวณพื้นที่กว้างขวาง ภายในเป็นบ้านสไตล์ล้านนา เสิร์ฟกาแฟร้อนรสชาติกาแฟหนักไปทางผลไม้และถั่วๆ หรือกาแฟเย็นเข้มข้นหวานมัน สไตล์อิตาเลียน จากเบลนด์กาแฟไทย คั่วระดับกลางถึงเข้ม ชงด้วยเครื่องชง Hi- End ของอิตาลี จากค่าย Dalla Corte พร้อมบรรยากาศดีๆ อาหาร และเบเกอร์รี่อร่อยๆ
ร้านเปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00
Tel: 053 860996 และ 0869140777
dalla

บรรยากาศ
3. ร้าน Woo Cafe’ – Art Gallery – Life Style Shop
เป็นร้านกาแฟที่ผสมผสานแกลอรี่และร้านขายของตกแต่งเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ตั้งอยู่ถนนวัดเกต ตรงข้ามเวียงจุมออน บรรยากาศน่านั่ง สบายๆ กลิ่นกาแฟหอมตลบอบอวล จากเบลนด์กาแฟไทย คั่วระดับกลางถึงเข้ม รสชาติเข้มละมุน ชงเป็นเอสเพรสโซจะออกสไตล์อิตาเลียน ชงเย็นรสชาตินุ่มๆ เสิร์ฟพร้อมเบเกอร์รี่หลากหลายให้เลือกสรร
ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 20.00
FB: Woo Chiangmai Tel: 052003717
DSCN6493

DSCN6503
4. ร้าน Penguin Ghetto
ร้านสร้างสรรค์จากการรวมกลุ่มของเหล่าเพื่อนๆ ศิลปินและสถาปนิกผู้หลงใหลในรสชาติกาแฟ โดยตั้งอยู่ใน Penguin Villa ถนนคันคลองชลประทาน สถานที่รวมความฮิปต่างๆ แนะนำให้ลองเมนูเด็ด คือ Kori Coffee ทำจากกาแฟก้อนน้ำแข็ง จากเบลนด์กาแฟไทย คั่วระดับกลางถึงเข้ม สไตล์อิตาเลียน ราดด้วยนม เมื่อก้อนกาแฟละลายนิดๆ โดยไม่มีน้ำจากน้ำแข็งละลายมาผสมเหมือนเมนูกาแฟเย็นปกติ จะได้รสชาติกาแฟนมเย็นที่เข้มข้น หอมขึ้นจมูกจนอยากลองซ้ำ
ร้านเปิดทุกวัน 10.00 – 20.00
Tel: 0891833224
1231649_463938167038779_1064787276_n

pen
5. ร้าน The Old Chiang Mai Cafe’ & Espresso Bar
ร้านสวยๆ แถววัดอุโมงค์ ประดับตกแต่งด้วยไม้ เน้นเสิร์ฟกาแฟสำหรับคอกาแฟตัวจริง กาแฟรสชาติดี ครีม่าสวยหนา หอมเข้มลึก เกิดจากเจ้าของร้านใส่ใจทุกรายละเอียดขั้นตอนการผลิต ชงด้วยเครื่องชงคันโยกสามหัวเจ๋งๆ หนึ่งในเบลนด์ยอดนิยมคือ เบลนด์กาแฟไทย คั่วระดับกลางถึงเข้ม รสชาติผลไม้และถั่ว
ร้านเปิด อ. – อา. 11.00 – 22.00
Tel 0817167979
10717442_544761845654952_684499770_n

10723143_544761105655026_1544165931_n
6. ร้าน (Guu Fusion Roti & Tea) กูโรตี
อ่านแค่ชื่อร้านอาจคิดว่ามีแค่โรตีชาชัก แต่ความจริงแล้ว เพื่อรักษาฐานลูกค้าโรตีที่เรียกร้องอยากจิบกาแฟแกล้มโรตี ร้านนี้จึงเสิร์ฟกาแฟจากเครื่องชงเอสเพรสโซด้วย ไม่ใช่แค่กาแฟโบราณนะจ๊ะ คอกาแฟสามารถเลือกสั่งเมนูกาแฟต่างๆ มาดื่มแกล้มโรตีและอาหารจานเดียวได้ กาแฟที่ใช้มีหลายเบลนด์ เป็นเบลนด์กาแฟไทย มีทั้งคั่วระดับกลางเข้ม จนถึงแบบคั่วเข้ม รสชาติออกคาราเมล ช็อคโกแลต เข้ากันมากกับโรตี ร้านอยู่ถนนนิมมานต์ ใจกลางเมือง
ร้านเปิดทุกวัน 9.30 – 1.30
Tel: 0828988992
10407299_762376473809499_3869892477634509373_n

10710593_761533747227105_1759696061179102283_n
7. ร้าน Café’ de L’Amour (คาเฟ่ เดอ ลามูร์)
ร้านกาแฟบรรยากาศร่มรื่นกลางเมืองเชียงใหม่ ใกล้ไนท์บาซ่า นั่งได้ทั้งข้างในและข้างนอก กลิ่นกาแฟหอมฟุ้งไปทั่วร้าน กาแฟร้อนเด็ดมาก เป็นเบลนด์กาแฟไทย คั่วระดับกลางถึงเข้ม ชงโดยเครื่องชง Dalla Corte จากอิตาลี สกัดช็อตเอสเพรสโซ่ออกมาได้ดีเยี่ยม เป็นที่นิยมจากลูกค้าต่างชาติมาก
ร้านเปิดทุกวัน 8.00 – 21.00
Tel: 053819257
   
  
8. ร้านบ้านแยมโรล
ร้านกาแฟย่านสารภี ตกแต่งบรรยากาศน่ารักๆ เสิร์ฟกาแฟกลิ่นหอม รสชาติเข้มๆ หวานน้อย จากเบลนด์กาแฟไทยคั่วเข้ม เหมาะกับกินคู่ขนมเค้กโฮมเมดหวานๆ ของที่ร้าน ซึ่งขนมและกาแฟที่นี่บอกได้เลยว่าไม่สมราคา เพราะมันถูกมากเมื่อเทียบกับคุณภาพ
ร้านเปิด อ. – อา. 11.00 – 18.00
Tel: 053321549, 0898522082
กาแฟ

เค้ก
9. ร้านคำพูน (Khumpoon Coffee Bar)
ร้านกาแฟย่านเจริญราษฎร์ เป็นร้านกาแฟที่ตกแต่งด้วยงานไม้ มีงานศิลปะไว้ขายด้วย ใช้กาแฟเบลนด์พิเศษเฉพาะของที่ร้าน ผสมระหว่างกาแฟไทยจากแหล่งต่างๆ และกาแฟนอก ทำให้รสชาตินุ่มลึก โดดเด่น คั่วกลางเข้ม หอมละมุน ดื่มคู่กับเบเกอร์รี่ในร้าน พร้อมเสพงานศิลป์ เพลินจริงๆ
ร้านเปิด 10.00 – 19.00 ทุกวัน ยกเว้นวันพุธ
Tel: 052089209
10723130_544760922321711_1743697929_n

10726459_544761772321626_1335509085_n
10. ร้าน Ten Friends
ร้านนี้ตั้งอยู่ในห้างบุญถาวร บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ร้านสวย บรรยากาศดี ออกแบบตกแต่งสวยงาม อยู่กลางห้างที่มีสวนหย่อมและบ่อปลา ที่สำคัญ ไม่น่าเชื่อว่ากาแฟกลางห้างในราคาแก้วละ 35 บาท จะอร่อยจนต้องเดินมาสั่งซ้ำหลังจากช็อปปิ้งเหนื่อย เมนูเด็ดคือกาแฟเย็น จากเบลนด์กาแฟไทยคั่วเข้ม ชงสไตล์อิตาเลียน รสกาแฟเข้มนำ มั่นใจว่าในระดับราคาเดียวกันนี้ ไม่น่าจะมีกาแฟที่ไหนสู้ได้เลย
ร้านเปิดทุกวัน
10723200_544761135655023_372953050_n

10726482_544761002321703_1570741025_n
11. ร้าน Sweet Tree Fruit Juice & Coffee
ร้านนี้สร้างในบริเวณบ้าน อยู่ย่านสันติธรรม บรรยากาศสงบ อบอุ่น เสิร์ฟกาแฟพร้อมลาเต้อาร์ตโดยฝีมือเจ้าของร้าน ดื่มแกล้มกับขนมต่างๆ เช่น คัพเค้กรูปต้นไม้ ดอกไม้ ที่จัดมาในกระถางรูปทรงน่ารักต่างๆ ได้ทั้งอาหารตาและอาหารปากไปพร้อมๆ กัน กาแฟที่นี่รสชาติละมุนจากเบลนด์กาแฟไทยอราบิก้า 100% มีกลิ่นผลไม้นิดๆ เข้ากับโฟมนมนุ่มเนียนได้อย่างลงตัว
ร้านเปิดทุกวัน 9.30 – 18.30
Tel: 0850301222
1383226_481687995263796_1212430217_n

sweet-tree-23

sweet-tree-24
12. ร้าน A While Coffee
ร้านนี้อยู่แถวถนนศิริธร เสิร์ฟกาแฟอราบิก้า 100% คั่วกลาง หอมนุ่ม ชงเทพๆ พร้อมลาเต้อาร์ต เหมาะกับคอกาแฟตัวจริง ร้านตกแต่งสไตล์โมเดิร์น กลิ่นกาแฟหอมฟุ้งตลบอบอวลในห้องกระจก แค่เปิดเข้าไป ความอยากกาแฟก็พุ่งแล้ว
ร้านเปิดทุกวัน (จ. – ศ. 8.00 – 20.00, ส. – อา. 10.00 – 20.00)
Tel: 0956819398, 0835695125
12 a while
13. ร้านเบิกตา (Burkta)
ร้านอยู่แถวถนนเลียบคูเมืองฝั่งใน ร้านมีลักษณะโปร่งโล่ง เพดานสูง แยกเป็น 2 ส่วน คือส่วนร้านกาแฟ และส่วนออฟฟิศ ซึ่งสามารถเช้าพื้นที่นั่งทำงาน จัดประชุม พร้อมดื่มกาแฟเบลนด์ไทย คั่วกลางเข้ม ชงโดยบาริสต้าที่เอาใจใส่ในการกลั่นกาแฟ เมนูแนะนำคือลาเต้ร้อน พร้อมลายลาเต้อาร์ตเท่ๆ นมนุ่มๆ ผสมกาแฟเข้มข้นฟรุ๊ตตี้นิดๆ เข้ากั๊นเข้ากัน
ร้านเปิดทุกวัน 8.00 -17.00
Tel: 0896318264
1725536_678561152243145_7066103007116761100_n[1]

burk
14. ร้าน De Kano Café
ร้านอยู่ริมถนนสันกำแพงสายเก่า ราคาไม่แพง มีทั้งกาแฟ เครื่องดื่ม อาหาร และเบเกอร์รี่ กาแฟเข้ม จากเบลนด์กาแฟไทยอราบิก้า 100% คั่วเข้ม รสชาติออกคาราเมลและช็อคโกแลต หอมละมุน
ร้านเปิดทุกวัน 6.30 – 22.00
Tel: 0956760177
14 dekano
15. ร้าน Improvise (Music Dessert Café)
ร้านตั้งอยู่ที่ถนนเจริญประเทศ อยู่หน้าโรงเรียนเรยีนา บรรยากาศโปร่ง โล่ง สบาย กาแฟจากเบลนด์กาแฟไทยคั่วกลางเข้ม หอมพุ่ง รสละมุน คนรักกาแฟเย็นต้องไม่พลาด เพราะชงได้กลมกล่อม เข้มกำลังดี ทานคู่ขนมก็เข้ากันมาก และแนะนำให้สั่งเมนูลาเต้ร้อน จะได้เห็นลายลาเต้อาร์ตแปลกๆ คมๆ จากบาริสต้ามากฝีมืออีกด้วย
ร้านเปิดทุกวัน 7.00 – 20.00
Tel: 0818811826
impro

improvise
16. ร้าน October Coffee & Home Cooking Café
ถ้าพูดถึงร้านกาแฟเชียงใหม่ จะละเลยไม่พูดถึงร้านนี้ไม่ได้ เพราะเป็นร้านกาแฟเก่าแก่รุ่นบุกเบิกในเชียงใหม่ และเป็นลูกค้าเมล็ดกาแฟ Happy Espresso รายแรกของเชียงใหม่ คุณเขมกับคุณนั่มสองสามีภรรยาเสิร์ฟกาแฟรสเด็ดจากทุกมุมโลก พร้อมกับขนมและอาหารไทยและฝรั่งที่ทำอย่างพิถีพิถัน ที่สำคัญราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับคุณภาพของวัตถุดิบและรสชาติที่บรรจงรังสรรค์ออกมา ร้านอยู่แถวถนนเชียงราย 2
ร้านเปิด อ. – อา. 11.00 – 19.00
Tel: 0882535051
11949428_1057306934293919_3669379572096351388_n

12052653_1078843218806957_7711435396337356831_o
17. และถ้าอยากชิมกาแฟจากโรงคั่ว Happy Espresso ผ่านสูตรที่เราคิดค้นขึ้นมาเพื่อสกัดความอร่อยของกาแฟออกมาให้ได้มากที่สุดแล้วหละก็…ต้องมาลองชิมที่ ร้าน Happy Espresso Bar (สาขาเชียงใหม่) อยู่แถวริมคูเมืองครับ เราเสิร์ฟทั้งกาแฟไทยเข้มข้น และกาแฟนอกรสชาติสดชื่น ชงผ่านเครื่องชง Hi-End พร้อมเสิร์ฟกาแฟดริป กาแฟไซฟ่อน เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ให้คอกาแฟได้ลองกัน
ร้านเปิด จ. – ส. 8.30 – 17.00
Tel: 0877126621, 0815942849, 0897994723
FB: https://www.facebook.com/superhappyespresso
Web: https://happyespresso.net/

10734256_689537294478864_6200807961388797410_n

11069218_862251210480185_1610876756_o

11079639_739036289528964_1803123351754563862_n[1]

10733771_660960077336586_6071623281717957756_o
Cr. ภาพประกอบบางส่วนจาก Facebook ของร้านค้า

Our New Crop Kenya

This coffee was produced by numerous small holder farmers, all of whom are members of the Thiriku Coffee Growers Cooperative Society, located near Nyeri in Central Kenya between the slopes of Mt. Kenya and the Aberdare range. Previously part of the larger Tetu Cooperative (which runs 28 wet mills across the vast Tetu region), Thiriku decided to go their own way in 2000 and have since gone from strength to strength.

The cooperative is managed by a democratically elected board of 9 members, each of whom serve as a representative of a community where the cooperative has members. Additionally, the Cooperative provides employment for permanent members of staff, headed by the Secretary Manager, who oversees the day-to-day running of the Coop under the board’s supervision

The cooperative owns a single wet mill which serves six communities and 2,300 smallholder farmers from the surrounding area. Sitting at nearly 1,900 metres, the wet mill is one of the region’s highest and in many ways benefits greatly from the cool temperatures that characterise this high altitude. Not only do cherries in the surrounding area ripen slowly, the low temperatures contribute to longer fermentation and slower drying times, which when well-managed (as in this case) can lead to a better cup.

In addition to the wide-spread SL28 and SL34, this lot contains a small amount of Ruiru 11. Ruiru 11 is named for the station at Ruiru, Kenya where it was developed in the ’70s and released in 1986. Although composing only 5% of the current lot, Ruiru is slowly becoming more widespread in the region due to its resistance to Coffee Berry Disease and Coffee Leaf Rust. It has also backcrossed with SL28 and SL34 to ensure high cup quality.

Coffee farming in this region goes back to the 1950s, but many members of the Cooperative rely on additional economic and agricultural activities for their livelihoods. In addition to producing coffee, most farmers in the area also produce macademia, avocados, maize and dairy for sale at local markets and for their own tables.

Farmers selectively handpick the ripest, reddest cherries, which are then delivered to the cooperative’s wet mill on the same day. Cherries are hand sorted prior to pulping, with damaged and under ripe cherries being separated out from the red, ripe lots. After pulping the coffee is fermented for between 16 and 24 hours. After fermentation, the coffee is washed in clean, fresh river water to remove all traces of mucilage before being delivered to dry on raised beds for between 9 to 15 days. While drying, the parchment is repeatedly moved and sorted to remove any damaged or discoloured beans.

Some of the issues that farmers face are low production due to loss due to pests and diseases and the relatively high cost of inputs compared to income from coffee. Many cannot afford to plant disease resistant varieties and face being priced out of the market as their yields diminish. The cooperative has undertaken actions to increase yields and improve their member’s livelihoods and are currently looking for programs aimed at improving the participation of young people and women in coffee.

Screen sizing in Kenya The AA, AB and other grades used to classify lots in Kenya are an indication of screen size only. They are not any indication of cup quality. The AA grade in Kenya is equivalent to screen size 17 or 18 (17/64 or 18/64 of an inch) used at other origins. AA grades often command higher prices at auction though this grade is no indication of cup quality and an AB lot from a better farm may cup better.

การวัดค่าของแข็งที่ละลายน้ำทั้งหมด: เปรียบเทียบ Refractometer (Part II)

ช่วงนี้ผมกำลังสนใจเรื่องการวัดค่าการสกัดกาแฟมากเป็นพิเศษ จนได้ไปอ่านเจอบทความนึงที่น่าสนใจ เป็นการเปรียบเทียบเครื่องวัดหลายยี่ห้อหลายรุ่น ที่มีขายในท้องตลาด เลยเอามาเล่าสู่กันฟังครับ โดยท่านสามารถเข้าไปอ่านภาคภาษาอังกฤษฉบับเต็มได้ที่ http://socraticcoffee.com/2015/05/measuring-total-dissolved-solids-a-refractometer-comparison-part-ii/

Continue reading

Our Barista Class

หลายๆ คนโทรมาสอบถามว่าเราสอนอะไรในชั้นเรียนบาริสต้าของเรา ผมขอจับภาพกระดานไวท์บอร์ดในห้องเรียน basic barista ของเรามาให้ดูเป็นน้ำจิ้มครับ Continue reading

CBB – coffee borer beetle

สวัสดีปีใหม่ครับ ปีที่แล้วเราไม่ค่อยได้อัพเดตบล็อกสักเท่าไหร่ เพราะไม่รู้จะเขียนอะไร ปีใหม่นี้ผมตั้งใจอัพเดตบล็อกให้ได้อย่างน้อยเดือนละครั้ง ถ้าไม่มีเรื่องราวความรู้ในแวดวงกาแฟก็จะขอโพสต์ขายของแทนละกันครับ จะได้ไม่ลืมว่ายังมีเพจนี้อยู่นะครับ ^^ Continue reading

how we roast our coffee?

เนื่องจากมีลูกค้าสอบถามมาถึงขั้นตอนการผลิตกาแฟคั่วของแฮปปี้เอสเพรสโซ เราจึงขอชี้แจงดังนี้

1. ขั้นตอนการจัดหาวัตถุดิบ

ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแรกสุดและสำคัญที่สุด เจ้าหน้าที่จัดหากาแฟดิบ (green coffee buyer) จะสำรวจพื้นที่ปลูกกาแฟตามดอยต่างๆ และเข้าไปดูในระหว่างฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อสังเกตคุณภาพการเก็บเกี่ยว และการแปรรูปหลังการเก็บเกี่ยว เจ้าหน้าที่ของเราจะพูดคุยกับเกษตรกรเพื่อทำความเข้าใจถึงระดับมาตรฐานการจัดการที่ดี และฟีดแบ็คผลการชิมกาแฟตัวอย่างจากโรงคั่ว บอกให้เกษตรกรรู้สิ่งที่โรงคั่วของเราต้องการเพื่อร่วมกันพัฒนาให้คุณภาพของกาแฟดีขึ้นทุกปี เรายินดีจ่ายราคาสูงกว่าราคาตลาดตามคุณภาพกาแฟที่สูงขึ้น เป็นค่าหยาดเหงื่อและความตั้งใจของเกษตรกร

2. ขั้นตอนการคั่ว

เมื่อทำการตรวจรับกาแฟเข้าห้องเก็บกาแฟของเราที่กรุงเทพฯ แล้ว คนคั่วกาแฟของเราจะทำการวัดความชื้นและความหนาแน่นของเมล็ดกาแฟเพื่อกำหนดโพรไฟล์การคั่วกาแฟเบื้องต้น หลังจากนั้น roastmaster จะคั่วกาแฟตัวนั้นแบบ single origin และชิมรสชาติเพื่อกำหนดแนวทางการใช้ในเบลนด์ต่างๆ ของเรา ซึ่งมีทั้งการเบลนด์ก่อนคั่วและเบลนด์หลังคั่ว และเป็นผู้กำหนดว่ากาแฟตัวไหนจะเบลนด์กับอะไรในสัดส่วนเท่าไหร่โดยใช้การชิมอย่างละเอียดทั้งแบบคัปปิ้งและชงผ่านเครื่องเอสเพรสโซ

เมื่อเราปรับจนได้สูตรที่เหมาะสมแล้วก็จะนำไปใช้ผลิตจริง คนคั่วกาแฟของเราจะทำการคั่วตามสูตรโดยมีการจดบันทึกอุณหภูมิและเวลาที่ใช้ในการคั่วโดยตลอด หากมีกาแฟถังไหนที่ผิดเพี้ยนไปจากมาตรฐานเราจะ hold ไว้ก่อนเพื่อรอการตรวจสอบอย่างละเอียด เมื่อคั่วเสร็จเราจะปล่อยเมล็ดกาแฟผ่านเครื่อง destoner เพื่อคัดแยกเอาหินหรือก้อนกรวดที่อาจปนเปื้อนมากับกาแฟได้

3. ขั้นตอนการตรวจสอบ

เมื่อคั่วกาแฟเสร็จในแต่ละถัง หลังจากนั้น 15 นาทีจะต้องนำเมล็ดกาแฟไปตรวจสอบด้วยเครื่องวัดสี Agtron ที่ใช้เป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมการคั่วกาแฟ โดยเราวัดทั้งสีของเมล็ดกาแฟและสีของผงกาแฟที่เพิ่งบด เพื่อดูการ develop ของเมล็ดกาแฟ กาแฟคั่วถังไหนที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของเราจะต้องทำลายทิ้ง และจะมีการสุ่มตรวจกาแฟด้วยการชิมรสชาติเพื่อให้มั่นใจว่ากาแฟที่เราผลิตจริงมีรสชาติตรงตามที่ต้องการ

4. ขั้นตอนการบรรจุและจัดส่ง

เมื่อกาแฟผ่านการตรวจสอบด้วยเครื่องวัดสีแล้วจะนำไปบรรจุทันที เพื่อให้เมล็ดกาแฟสัมผัสออกซิเจนน้อยที่สุด โดยเราใช้วิธีปล่อยให้กาแฟดีแกสในถุง สำหรับกาแฟเบลนด์ปกติที่มีการหมุนเวียนเร็ว เราเจาะรูเล็กๆ ที่ถุงเพื่อไม่ให้ถุงบวมจนแตก ส่วนกาแฟนอกที่ราคาแพงเราจะใส่ one-way valve เพื่อป้องกันไม่ให้ออกซิเจนย้อนกลับเข้ามาในถุงได้ เป็นการยืดอายุการเก็บออกไปอีกเล็กน้อย

เราเป็นโรงคั่วกาแฟเล็กๆ ที่เกิดจากร้านกาแฟเล็กๆ เพื่อร้านกาแฟเล็กๆ เรารู้ดีว่าร้านกาแฟเล็กๆ ต้องการกาแฟคั่วใหม่ เราจึงระบุวันคั่วไว้ที่ถุง เรารู้ว่าร้านกาแฟเล็กๆ ไม่อยากเก็บสต็อกกาแฟจำนวนมาก เราจึงไม่มี minimum order คือแม้คุณสั่งกาแฟเพียง 250 กรัมเราก็ยินดีขายให้ เรารู้ว่าร้านกาแฟเล็กๆ อยากมีเบลนด์ของตัวเอง ขอเพียงบอกเรามาว่าคุณชอบกาแฟอะไร รสชาติประมาณไหน และมีงบประมาณเท่าไหร่ เรายินดีเบลนด์ให้ตามต้องการ เราเคารพในเมล็ดกาแฟ เคารพในความลำบากของเกษตรกร และเคารพในคำแนะนำของลูกค้าเสมอ เรารักที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา เราใช้แรงงานมนุษย์ในกระบวนการทั้งหมดของเรา ซึ่งอาจมีผิดพลาดได้บ้าง เราพยายามพัฒนาระบบขึ้นมาเพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ถ้าหากลูกค้ารู้สึกว่ากาแฟที่ซื้อไปมีปัญหา เรายินดีเปลี่ยนให้โดยไม่มีเงื่อนไขเพื่อนำเมล็ดกาแฟนั้นกลับมาตรวจสอบ เมล็ดกาแฟที่เรารับคืนมานั้นจะถูกทำลายทิ้งและไม่มีการนำกลับไปบรรจุใหม่หรือเอาไปเบลนด์กับกาแฟอย่างอื่นอีกเด็ดขาด

หวังว่าบทความสั้นๆ นี้คงจะช่วยให้หลายคนเข้าใจและเห็นถึงความตั้งใจในการทำงานของเราตลอดเวลาเกือบสิบปีที่เราคั่วกาแฟมา ขอบคุณครับ

Porcelain Filter Coffee Maker

ต่อเนื่องจากโพสต์ที่แล้วเรื่องอุปกรณ์ชงกาแฟดื่มที่บ้าน พักหลังๆ นี่ผมชอบดื่มกาแฟที่ชงจากที่ชงกาแฟเซรามิคในรูปข้างล่างนี้มาก เพราะชงง่าย ไม่ต้องใช้ทักษะอะไรพิเศษ ไม่ต้องฝึกฝนลองผิดลองถูกกันเป็นแรมปี แถมรสชาติที่ได้ก็ใกล้เคียงกับรสชาติกาแฟตอนคัปปิ้งด้วย Continue reading

home coffee brewing revisited

ต้องยอมรับว่าช่วงนี้มีของเล่นสำหรับคนชอบชงกาแฟที่บ้านอย่างผมค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบดมือรุ่นต่างๆ อุปกรณ์ดริป+กาดริปสวยๆ filter แบบต่างๆ ให้ลองเล่น รวมถึง app ต่างๆ บน iphone ที่คิดหาจินตนาการกันขึ้นมาเพื่อเอาใจคอกาแฟทั่วโลก แต่ที่เพิ่งได้มาใหม่และคิดว่ามีประโยชน์มากๆ คือตาชั่งดิจิตอลที่สามารถ sync กับ app ใน iphone แล้วบอกว่า profile การชงกาแฟของเราเป็นอย่างไร Continue reading

DRM follow up, year 2

สืบเนื่องจากโพสต์เก่าเมื่อปีที่แล้ว เรื่องการจับคู่ให้ร้านกาแฟรู้จักกับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ปีนี้เราได้ขึ้นไปติดตามผลว่าสิ่งที่เราได้พยายามเน้นย้ำกับเกษตรกรได้เกิดผลอย่างไรบ้าง Continue reading

Coffee at Home

สวัสดีคอกาแฟทุกท่านครับ เราไม่ได้อัพเดตบล็อกมานานมาพอสมควร แฟนๆ หลายคนจึงโทรมาถามว่าช่วยทำงานหน่อยได้ไหม อยากรู้เรื่องการชงกาแฟดื่มในบ้าน ในเมื่อถามมาแล้วจะไม่ทำให้ได้อย่างไรครับ

การชงกาแฟดื่มในบ้านไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องชงกาแฟราคาแพงๆ ขอเพียงรู้ว่าตัวเองชอบดื่มกาแฟแบบไหน เสาะหากาแฟคั่วเข้มหรืออ่อนในระดับต่างๆ กันมาลองดู แล้วพยายามปรับสูตรการชงให้ตรงกับรสชาติที่ชอบก็พอแล้วครับ ส่วนตัวผมเองเวลาตื่นมาตอนเช้าชอบกาแฟดำเพียวๆ ดื่มแบบไม่ใส่นมหรือน้ำตาล เพราะช่วยให้เข้าห้องน้ำได้เร็วดีและเลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้นจึงรู้สึกสบายตัวและกระปรี้กระเปร่า อีกอย่างช่วงนี้น้ำหนักตัวเริ่มขึ้น การดื่มกาแฟร้อนใส่นมหรือกาแฟเย็นที่ปรุงรสหวานมันย่อมไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพนัก

IMG_3745

นี่ครับ อุปกรณ์ชงกาแฟดื่มในบ้านที่ผมใช้เป็นประจำคือเครื่องบดมือ ตัวนี้เป็นของเก่าแก่ยี่ห้อ Peugeot จากฝรั่งเศส ได้มาจากเพื่อนผมที่เป็นช่างภาพกาแฟชื่อดังผู้ชื่นชอบเครื่องบดมือ ส่วนเครื่องชงจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามอารมณ์ บางทีก็ดริป บางทีก็เฟรนช์เพรส บางทีก็เคลฟเวอร์ดริปเปอร์ แต่เช้านี้เป็นแอโร่เพรสครับ

ส่วนตัวไม่ชอบฟิลเตอร์กระดาษที่มากับแอโร่เพรสเพราะรู้สึกว่ามันกรองออกมากเกินไป จะเอากระดาษยี่ห้ออื่นมานั่งตัดก็ขี้เกียจ บางบริษัทรู้ความจริงข้อนี้จึงทำฟิลเตอร์แบบเจาะรูออกมาขาย ผมซื้อมาใช้แต่ก็พบว่ามีฝุ่นตะกอนอยู่ในถ้วยมากไปอีก ด้วยความเรื่องมากก็เสาะหาจนเจอฟิลเตอร์ตะแกรงลวดสานละเอียดยิบตัวนี้ ข้อดีคือกรองตะกอนออกได้เยอะมาก แต่ยังคงอนุญาตให้น้ำมันหอมในกาแฟลงไปอยู่ในถ้วยได้เยอะ บอดี้จึงดีกว่ากรองโดยใช้กระดาษแต่ก็ทำให้รู้สึกว่าแอซิดิตี้ลดลงไปบ้าง กลิ่นรสสมดุลเหมาะกับการดื่มกาแฟตอนเช้าดีมาก แถมยังช่วยลดขยะได้นิดหน่อย

IMG_3752

เอาละ ก่อนจะชงให้ไปต้มน้ำให้เดือดก่อนครับ ระหว่างที่รอน้ำเดือดก็บดกาแฟ ผมจะตวงกาแฟด้วยช้อนตวงที่แถมมากับแอโร่เพรส บดหยาบประมาณน้ำตาลทราายขาว เพื่อชงให้ได้กาแฟดำหนึ่งถ้วย ส่วนตัวไม่ชอบรสขมจึงชอบใช้กาแฟคั่วอ่อนที่นิยมเรียกกันว่า filter roast การคั่วแบบนี้จะไม่เห็นน้ำมันจับที่ผิวนอกของกาแฟ ถ้าตัวกาแฟมีคุณภาพดีจะไม่มีรสขมแต่จะเป็นเปรี้ยวและหวานตามธรรมชาติ กลิ่นหอมที่ได้เป็นโทนผลไม้ ดอกไม้ วานิลา เรียกว่าดื่มง่ายไม่เหมือนดื่มกาแฟดำทั่วไปที่จะติดรสขมจนต้องเติมน้ำตาล

IMG_3746

วิธีชงแอโร่เพรสที่ง่ายและทำซ้ำได้สะดวกที่สุดคือหงายแอโร่เพรสขึ้น เอากาแฟใส่ ใส่น้ำร้อนจนเกือบเต็ม คนๆ เล็กน้อยให้ผงกาแฟโดนน้ำอย่างทั่วถึง เติมน้ำร้อนจนเต็ม ตั้งทิ้งไว้ 2-3 นาที

IMG_3750

เวลาใช้ตัวฟิลเตอร์ให้หงายด้านที่เป็นแถบสแตนเลสขึ้น วางลงบนฝาพลาสติกเจาะรูสีดำ แล้วคว่ำลงปิดปากแอโร่เพรสไว้เพื่อไม่ให้อุณหภูมิตกลงเร็วเกินไป เมื่อครบเวลาก็คว่ำแอโรเพรสไว้บนถ้วยเซรามิคขนาดประมาณ 12 ออนซ์ที่มักแถมมาเวลาไปซื้อกาแฟ ไมโล หรือคอฟฟี่เมต เวลาคว่ำอาจมีหกเล็กน้อย เมื่อวางบนปากถ้วยมั่นคงดีแล้วก็ค่อยๆ เริ่มกดแอโร่เพรสลง ด้วยความที่บดกาแฟค่อนข้างหยาบจึงทำให้ไม่ต้องออกแรงมาก กดลงจนได้ยินเสียงอากาศเล็ดออกมาดังฟืด ไม่ต้องเค้นจนน้ำแห้งนะครับ

IMG_3755

จะได้กาแฟหนึ่งถ้วยพอดี เวลาผมดื่มกาแฟไม่ว่าจะเป็นเอสเพรสโซหรือกาแฟดำจะชอบคนให้กาแฟเข้ากันก่อนเพื่อให้รสชาติขมหวานเข้ากันได้ดีขึ้น ส่วนแอโร่เพรสให้หงายตั้งไว้จนหายร้อนแล้วค่อยทำความสะอาด

IMG_3756

ปกติถ้าใช้กระดาษกรองเราก็ถอดฝาพลาสติกเจาะรูสีดำแล้วกดกระบอกพลาสติกไปจนสุดทิ้งผงกาแฟพร้อมกระดาษได้เลย แต่เมื่อใช้ตะแกรงลวดก็จะมีผงกาแฟติดอยู่ที่ตะแกรงบ้าง ถ้าล้างทิ้งไปในอ่างล้างจานเลยก็อาจทำให้ท่อตันได้ในอนาคต ผมจึงมีเทคนิคเล็กน้อยมาฝาก คือก่อนจะถอดฝาพลาสติกออกให้หงายแอโร่เพรสขึ้นแล้วดึงกระบอกย้อนกลับมาเล็กน้อย กาแฟจะหลุดออกจากตะแกรงสแตนเลสได้บ้าง แล้วอาจใช้ช้อนกวาดผงกาแฟที่เหลือทิ้งไป

ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการดื่มกาแฟครับ คราวหน้าจะเป็นเครื่องชงแบบไหนเดี๋ยวรอชมกัน