หนึ่งคนทำ พันคนชิม ว่าต่างกัน
เปรี้ยว เค็ม มัน เผ็ด หวาน ต่างคนชอบ
หากรู้ได้ จะน้อมใจ สนองตอบ
สิ่งใดชอบ โปรดแจงแถลงมา
กลอนแปดบทนี้มักจะเห็นอยู่ตามร้านอาหารทั่วไป อารมณ์ประมาณว่าเชฟร้านนี้ทำรสประมาณนี้แหละ อร่อยหรือไม่อร่อยเป็นปัญหาของคนชิมต่างหาก ลองชิมแล้วไม่ถูกปากอยากให้ปรับปรุงอะไรก็บอกมานะ ถ้าแก้ได้จะแก้ให้
เดี๋ยวนี้การรีวิวร้านอาหารหรือร้านกาแฟทำได้ง่ายเพียงแค่มีปลายนิ้วกับอินเตอร์เน็ต แต่ถ้าเข้าไปอ่านรีวิวจริงๆ ก็จะมีเนื้อหากว้างๆ เช่น ร้านสวยบรรยากาศดีมีมุมถ่ายรูป บริการดี อาหารอร่อยถูกปาก เชฟชื่อดังเคยแข่งออกทีวี แล้วก็ให้ดาวกี่ดาวก็ว่ากันไป ฯลฯ ซึ่งรีวิวแบบนี้ในตำราเรียกว่า affective test เป็นการวัดความชอบหรือการยอมรับของผู้บริโภค
มนุษย์สัมผัสโลกรอบตัวเราผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ซึ่งบรรดานักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่ามีความแม่นยำต่ำ การตอบสนองของเราแปรเปลี่ยนไปได้ตามปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น อายุ เพศ พันธุกรรม (nature) หรือสภาพแวดล้อม ประสบการณ์ วัฒนธรรม การเลี้ยงดู การศึกษา ทัศนคติ (nurture) ดังนั้น ความรู้สึกจากประสาทสัมผัสของมนุษย์จึงเป็นเรื่องส่วนบุคคล (subjective) บางคนถึงขนาดมองว่าการประเมินด้วยประสาทสัมผัสนั้นเป็นวิธีที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์เลยด้วย
ปัจจุบันมีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์มากมายที่สามารถทดสอบรสชาติของอาหารเครื่องดื่มได้อย่างแม่นยำน่าเชื่อถือ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทดสอบทางประสาทสัมผัสกับมนุษย์จริงๆ นั้นสำคัญมากและไม่สามารถทดแทนด้วยเครื่องได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นของเข้าปาก แต่ด้วยความเห็นของคนนั้น subjective จึงมีการใช้หลักสถิติซึ่งเป็นแนวคิดแบบวิทยาศาสตร์มาเพิ่มความน่าเชื่อถือและลดค่าความคลาดเคลื่อนต่างๆ ให้มัน objective ขึ้น ทำให้การใช้ประสาทสัมผัสของมนุษย์เป็นอุปกรณ์ทดสอบ หรือใช้เสมือนเป็นอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ในการทดสอบคุณภาพอาหาร
โพสต์นี้อินโทรเท่านี้ก่อน เดี๋ยวมาต่อกันเป็นซีรี่ย์สเลยครับ