Happy Espresso ได้รับเกียรติจากกรรมการชมรมบาริสต้าและร้านกาแฟเชียงใหม่ ไปเป็นวิทยากรร่วมเสวนาในหัวข้อเรื่อง เลือกเมล็ดกาแฟอย่างไรให้เหมาะสมกับร้าน ในงาน Chiangmai Coffee Festival 2017 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา เนื้อหาในการพูดคุยถามตอบกับพี่ตุ้มพิธีกรสุดหล่อแห่งร้าน The Old Chiangmai Cafe นั้นน่าสนใจดี ผมเลยจับประเด็นเอามาสรุปไว้ที่นี่ครับ
Category Archives: Uncategorized
Americano?
เมื่อ 5 ปีที่แล้วเคยเขียนไว้ใน blog นี้ว่าอเมริกาโนไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ แต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีความจำเป็นต้องดื่มอเมริกาโนบ่อยๆ เลยทดลองหาคำตอบดูว่าจะทำให้อเมริกาโนอร่อยขึ้นได้อย่างไร ปัจจัยที่เราคิดว่ามีผลโดยตรงกับรสชาติของอเมริกาโนนอกจากการทำช็อตเอสเพรสโซให้ได้ดีแล้วคืออุณหภูมิ รายละเอียดเป็นอย่างไรมาดูกัน
ปกติแล้วอุณหภูมิของช็อตเอสเพรสโซที่ออกมาจากก้น portafilter จะอยู่ที่ประมาณ 88-90 องศา เมื่อไหลลงมาอยู่ในถ้วยก็จะเริ่มเสียอุณหภูมิให้สภาพแวดล้อมไปอีก ในถ้วยเอสเพรสโซที่อุ่นจัดช็อตกาแฟมีอุณหภูมิประมาณ 70 กว่าองศา Continue reading
drinkability
ในการทำร้านกาแฟนอกจากต้องออกแบบร้านให้สวยๆ นั่งสบายถ่ายรูปแจ่มแล้ว การออกแบบเครื่องดื่มให้หน้าตาสวยถ่ายรูปสวยก็เป็นสิ่งสำคัญเพราะเดี๋ยวนี้คนชอบแชร์ชีวิตตัวเองในโลกโซเชียล ร้านสวย เครื่องดื่มหน้าตาดี มีชัยไปกว่าครึ่ง แต่อีกครึ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือการออกแบบเครื่องดื่มให้มี drinkability สูงด้วย คำนี้เป็นศัพท์ที่ใช้อยู่ในแวดวงเครื่องดื่มเช่นไวน์หรือเบียร์ มาจากคำว่า drink รวมกับ ability แปลง่ายๆว่าความดื่มง่าย โดยวัดเป็นความสูง เช่น มีความดื่มง่ายสูง มีความดื่มง่ายต่ำ ในแวดวงเบียร์หรือไวน์มีการวิจัยทดลองโดยการให้ผู้ถูกทดลองดื่มยี่ห้อต่างกันห้าหกยี่ห้อในระยะเวลาที่กำหนดแล้วดูว่าความพอใจในยี่ห้อไหนลดลงเมื่อดื่มไปมากๆเข้า ผลการวิจัยพบว่า table wine ที่ดีหรือเบียร์ยี่ห้อดังที่มีขายทั่วไปจะมี drinkability สูงกว่ายี่ห้ออื่นหรือแม้กระทั่งยี่ห้อแพงๆที่ได้รางวัล Continue reading
Christmas Blend 2016
คริสตมาสเบลนด์ปีนี้คิดอยู่นานว่าจะเอากาแฟอะไรดี ปกติเราจะสรรหากาแฟนอกดีๆมาคั่วเฉพาะช่วงฤดูกาล แต่เพราะปีนี้เราไม่ค่อยตื่นเต้นกับกาแฟนอกที่เราได้มาเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะครับแต่เพราะมันไม่ว้าวในระดับแปดสิบเก้าคะแนน จนวินาทีสุดท้ายเราได้กาแฟดิบคุณภาพสูงจากมิตรภาพของพี่ๆสองท่านในวงการกาแฟไทยนี่เอง
ตัวแรกเป็น Ethiopia Sidamo Shilcho Grade 1 ที่ผ่านการแปรรูปแบบ Washed คุณภาพเยี่ยม รสชาติคุ้นลิ้นแนวมะกรูดมะนาวผสมดอกไม้ของ Sidamo ที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เอามาคั่วในระดับ light roast แล้วผสมกับกาแฟที่ผมทึ่งมากที่สุดของปีนี้ มัน คือ กาแฟ โรบัสต้า ไทย !!! Continue reading
easy, tasty, clean
กลับมาอีกครั้งกับที่ชงกาแฟดริปพอร์ซเลนจากเยอรมนี ที่ตอบโจทย์การชงกาแฟสไตล์แฮปปี้อย่างมาก ชงง่าย รสชาติดี ไม่มีวัสดุสิ้นเปลือง โดยหัวใจของที่ชงกาแฟดริปนี้คือตะแกรงกรองกากกาแฟที่ทำจากเซรามิคด้วยเทคนิคโบราณนับร้อยปีที่สืบทอดต่อกันในครอบครัวเท่านั้น
disconnection of taste
หลังๆมานี้ได้ยินลูกค้าถามมาเรื่องรสชาติกาแฟที่เปลี่ยนไป เค้าเล่าว่าเบลนด์ที่พี่ทำให้ผมอร่อยอยู่สองสัปดาห์แรก พอเข้าสัปดาห์ที่สามเริ่มติดขมและสัปดาห์ที่สี่เริ่มขมมาก พอได้ยินคอมเม้นท์แบบนี้บอกเลยว่าดีใจมากที่บาริสต้าชิมกาแฟที่ตัวเองชง เรื่องนี้มีที่มาที่ไปครับ
ตัวปัญหาของเรื่องนี้คือแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ในกาแฟทำให้การสกัดกาแฟทำได้ไม่เต็มที่ เวลากาแฟเพิ่งคั่วมาใหม่ๆจะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เยอะ เวลาน้ำไหลผ่านผงกาแฟจะซึมเข้าไปสกัดรสชาติออกมาได้ยากกว่าเพราะโดนคาร์บอนไดออกไซด์ขัดขวางไว้ รสชาติกาแฟที่ได้ความขมจะไม่มากแต่จะมีกลิ่นควันจากกาแฟคั่วใหม่พอสมควร แต่เมื่อเวลาผ่านไปมีการคายคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาจากกาแฟมากขึ้น เวลาน้ำสัมผัสกาแฟจึงแทรกซึมได้ทั่วถึงและดึงรสชาติออกมา
วิธีแก้ก็คือเราปรับเครื่องบดกาแฟให้ละเอียดหรือหยาบขึ้น เพื่อชดเชยที่น้ำซึมเข้าไปสกัดรสชาติของกาแฟออกมาได้ง่ายขึ้น ถ้าเป็นเครื่องชงเอสเพรสโซที่เราสามารถปรับอุณหภูมิหรือแรงดันได้บาริสต้าก็สามารถลดอุณหภูมิหรือแรงดันได้ตามสะดวก ระยะเวลาที่กาแฟสัมผัสน้ำให้นานขึ้นหรือลดลง บาริสต้าต้องยึดรสชาติของกาแฟเป็นหลัก ส่วนรายละเอียดอื่นๆเช่นความสวยของน้ำกาแฟที่ไหลอาจจะไม่เหนียวหนืดนัก เวลาที่สกัดช็อตอาจจะสั้นลง หรือแม้แต่ brew ratio หรือ extraction yield ก็สามารถเปลี่ยนได้ถ้ารสชาติไม่อร่อย
ดังนั้น สรุปว่า กาแฟคั่วเข้มดีแก๊สเร็วกว่ากาแฟคั่วอ่อน กาแฟเก็บที่อุณหภูมิสูงดีแก๊สเร็วกว่า กาแฟเก็บที่ที่สูง(บนดอย)ดีแก๊สช้ากว่า
the fifth element of espresso
สืบเนื่องจากโพสต์ของ Matt Perger ในเว็บบล็อก Barista Hustle ทางทีมงานแฮปปี้เห็นว่าน่าจะมีประโยชน์เลยไม่แปลแต่จะรวบความให้ ซึ่งสอดคล้องกับเนื้อหาที่เราได้ไปแบ่งปันในงาน SCB SME Spring Up Thailand
เริ่มที่สไลด์ที่เราทำ ในนั้นมี 1 หน้าที่เกี่ยวกับ 5M ของเอสเพรสโซ ซึ่งแตกต่างเล็กน้อยกับ 4M ของอิตาเลียนเอสเพรสโซ ซึ่งประยุกต์มาจาก 5M ที่คนในแวดวงวิศวกรรม โรงงาน ภาคการผลิตเชิงอุตสาหกรรมรู้จักดี ได้แก่
ซึ่งเครื่องมืออย่าง refractometer ที่วัดค่า TDS หรือแม้กระทั่งตาชั่งดิจิตอลที่เราใช้กัน คือหนึ่งในเครื่องมือชั่ง ตวง วัด เพื่อใช้ในการตรวจสอบ ในบล็อกโพสต์ของ Matt สรุปความได้ประมาณว่า
- เราไม่ได้ต้องการสกัดกาแฟออกมาให้มากที่สุด แต่เราต้องการสกัดกาแฟอย่างสม่ำเสมอทั่วถึงกันที่สุด
- ค่า TDS ที่มากกว่าไม่ได้หมายความว่าดีกว่าเสมอไป แต่ส่วนใหญ่ค่า TDS ที่มากกว่ามักจะบ่งบอกถึงการสกัดที่สม่ำเสมอกว่า
- ค่า TDS ที่สูงกว่าไม่ได้หมายความว่าจะอร่อยกว่า
- เครื่องมือวัดค่าต่างๆ เป็นการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ ซึ่งมีความแม่นยำสม่ำเสมอสูงกว่าการชิมรสชาติของคน ซึ่งสามารถบิดเบี้ยวได้จากอคติ ความเจ็บป่วย และความแปรปรวนของอารมณ์ บางทีแค่กินอะไรรสจัดๆมาก่อนหน้าก็เพี้ยนแล้ว (อย่างไรก็ดี เครื่องมือวัดต่างๆก็ต้องการการสอบเทียบ หรือ calibration เพื่อให้มั่นใจได้ว่าที่วัดออกมานั้นได้ค่าที่ถูกต้อง)
- การที่เราเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ เปรียบเทียบกับการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพอย่างการชิมรสชาติ ช่วยทำให้เราสามารถพัฒนาปรับปรุงการชงกาแฟเอสเพรสโซได้ง่ายและเร็วขึ้น ยิ่งเราเก็บข้อมูลมาก ชิมมาก สังเกตความสัมพันธ์ของตัวเลขกับรสชาติมากขึ้น เราจะสามารถเรียนรู้และจัดการกับตัวแปรต่างๆในการชงกาแฟได้มากขึ้น
- ในความคิดเห็นด้านล่าง มีหลายคนที่เป็นที่นับถือในวงการ ได้กล่าวไว้ประมาณนี้
- ปุ่มรับรสบนลิ้นของคุณบอกว่ากาแฟนั้นดีเลิศขนาดไหน ส่วนตัวเลขที่วัดได้เป็นป้ายบอกทางว่าจะกลับไปจุดนั้นได้อย่างไร
- การชงกาแฟไม่ใช่ศิลปะล้วนๆ แต่เป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง ถ้าใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย กาแฟของเราจะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและมีทิศทาง ไม่ใช่องค์ลงแล้วชงดี ศิลปะกับวิทยาศาสตร์ไปด้วยกันได้
แฮปปี้เอสเพรสโซเราเชื่อว่า ยุคนี้ที่เรามีเครื่องมือวัดต่างๆมากมาย หากเรารู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์ เราจะชงกาแฟได้อร่อยขึ้น ง่ายขึ้น แต่เราก็ไม่ควรยึดติดกับเครื่องมือวัดจนเกินไป จนลืมว่ารสชาติของกาแฟนั้นเป็นอย่างไร
ขอให้มีความสุขกับการดื่มกาแฟครับ
designing milk drinks
ที่แฮปปี้กรุงเทพฯ ตอนตกแต่งร้านใหม่มีแนวคิดว่าอยากให้หลายๆอย่างเป็นสีขาว เราเลยเอาเครื่อง Spirit ไปทำ powder coat เป็นสีขาวด้านๆ และคิดว่าน่าจะเปลี่ยนถ้วยใหม่ให้เป็นสีขาวเหมือนๆกัน เพราะถ้วยกาแฟที่ร้านเดิมนั้นมีหลายแบบมากตามที่ได้ไปสอยมาจากที่ต่างๆ เราเลือกถ้วยของ notNeutral ตามคำแนะนำของน้องมุกแห่ง Asama Cafe ที่เป็นบาริสต้าดีกรีแชมป์ประเทศไทยและยังเป็นกรรมการบาริสต้าระดับโลก ถ้วยกาแฟ notNeutral เป็นการร่วมมือกันระหว่าง Intelligentsia ที่เป็นโรงคั่วชื่อดังของอเมริกา กับนักออกแบบถ้วยมือฉมังที่เคยร่วมอยู่ในทีมออกแบบถ้วยกาแฟ illy มีถ้วยกาแฟร้อนให้เลือกถึง 5 ขนาด ไล่ตั้งแต่ถ้วยเอสเพรสโซ 3 ออนซ์ ถ้วยคาปูชิโน่ 5 ออนซ์ ถ้วยคาปูชิโน่ 6 ออนซ์ ถ้วยลาเต้ 8 ออนซ์ ถ้วยลาเต้ขนาด 12 ออนซ์ นี่ไม่นับรวมถ้วยมักที่ใช้ดื่มกาแฟดำ 10 ออนซ์ ที่เรามีให้เลือกมากขนาดนี้ก็เพราะเรามีเสิร์ฟกาแฟสองเบลนด์ที่รสชาติแตกต่างกัน และการชงเอสเพรสโซในกาแฟแต่ละเบลนด์ก็แตกต่างกันเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
พอได้ถ้วยกาแฟมา เรามานั่งคิดว่าเราจะทำเครื่องดื่มนมให้มีรสชาติอย่างไร เราควรคำนึงถึงปัจจัยอะไรบ้าง ก็พอสรุปได้ง่ายๆอยู่ 2 อย่าง
- ช็อตเอสเพรสโซ ปริมาณของช็อตคือเท่าไหร่ (น้ำหนัก) ความเข้มข้นของกาแฟเป็นเท่าไหร่ (TDS) ซึ่งนอกจากใช้ตัวเลขเป็นตัวควบคุมคุณภาพแล้ว ยังต้องชิมรสชาติของกาแฟด้วยว่าค่อนไปทางขมหรือเปรี้ยว กาแฟเปรี้ยวเวลาโดนนมจะหวานขึ้นแต่เปรี้ยวจะไม่หายไป กาแฟขมเวลาโดนนมมักจะไม่เปรี้ยวแต่จะขมน้อยลง
- ปริมาณนม โฟมนมหนาเท่าไหร่ (ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของปากถ้วย) น้ำนมมีมากเท่าไหร่ (น้ำหนัก) ปัจจัยในข้อสองนี้มีผลต่อการดื่มมาก ริมฝีปากลูกค้าจะโดนโฟมนมเท่าไหร่ น้ำนมจะเจือจางช็อตกาแฟลงเท่าไหร่ ซึ่งส่วนหนึ่งสัมพันธ์กับการออกแบบถ้วยกาแฟเป็นอย่างมาก ถ้วยปากกว้างกับถ้วยปากแคบเวลาสตีมนมควรชดเชยให้ได้โฟมนมในถ้วยเท่าๆ กันเพื่อความรู้สึกที่ดี
ตัวอย่าง
เราขอยกตัวอย่าง Timeless เบลนด์ที่รสชาติค่อนไปทางเปรี้ยว เวลาดึงช็อตเอสเพรสโซ จะอร่อยได้รสกลมกล่อมที่สัดส่วนประมาณ 1:2.5 คือใช้ผงกาแฟ 20 กรัม ชงได้น้ำกาแฟ 50 กรัม TDS จะอยู่ประมาณ 8.5-9% ทีนี้พอใส่นมในแต่ละถ้วยแต่ละขนาด เราก็เอา TDS มาหารกับปริมาณนมอีกที ก็จะรู้ความเข้มข้นคร่าวๆ ของกาแฟในถ้วยนั้น และสามารถคำนวนต่อๆไปได้ว่าถ้าเปลี่ยนถ้วยกาแฟเป็นเท่านั้นเท่านี้จะได้รสชาติประมาณไหน
เริ่มต้นจากการชั่งน้ำหนักถ้วยเปล่าก่อน จดเอาไว้เพื่อนำมาหักลบกับน้ำหนักของกาแฟและนมที่จะเพิ่มเข้าไปทีหลัง เพื่อการทดสอบเราใช้ถ้วยขนาด 5oz และ 8oz แล้วลองชงกาแฟดูได้ช็อต 24.3 ถ้วยนึง 24.6 ถ้วยนึง จดเอาไว้แล้วนำไปวัด TDS
TDS วัดออกมาได้ 9.3% ซึ่งถือว่า over extract ไปพอสมควร และตัวเลข 9.3 บ่งบอกได้ว่าเนื้อสัมผัสของเอสเพรสโซช็อตนี้จะค่อนข้างเบา
หลังจากนั้นก็สตีมนมแล้วเทใส่ในถ้วย (ขออภัยที่ลายไม่สวย) ชั่งน้ำหนักของทั้งสองถ้วยดู ปรากฏว่าในถ้วย 5oz นั้นได้น้ำหนักนม 126.8 คำนวนแล้วสัดส่วนของกาแฟต่อนมประมาณ 1:5 พอเอา TDS มาหารกับปริมาณทั้งหมดได้อยู่ประมาณ 1.55% เวลาชิมรสชาติออกเปรี้ยวนิดๆ และมีกลิ่นผลไม้ออกมาตามลักษณะของกาแฟ Timeless ส่วนถ้วย 8oz นั้นได้น้ำหนักนม 224.1 สัดส่วนกาแฟต่อนมประมาณ 1:10 เอา TDS มาหารกับปริมาณทั้งหมดได้อยู่ประมาณ 0.85% รสชาติกาแฟจะเด่นรสนมมากๆและมีกลิ่นกาแฟนิดหน่อยพอให้บอกว่าเป็นเครื่องดื่มกาแฟได้เท่านั้น
ทีนี้ลองคำนวนเล่นๆ ถ้าเราใช้ดับเบิลช็อต คือเอาช็อตกาแฟทั้งสองรวมอยู่ในถ้วยเดียว TDS ของกาแฟไม่เปลี่ยนแต่สัดส่วนของกาแฟต่อนมในแต่ละถ้วยเปลี่ยนไป ในถ้วย 5oz จะมีกาแฟ 48.9 กรัม นมจะเหลือ 102.2 กรัม สัดส่วนของกาแฟต่อนมคือ 1:2 นิดๆ TDS มาหารกับปริมาณทั้งหมดคือ 3.1% ซึ่งเดาได้ว่าเวลาชิมน่าจะเปรี้ยวมาก แต่ถ้าเราใช้ดับเบิลช็อตในถ้วย 8oz ก็จะเหลือนมประมาณ 200 กรัม สัดส่วนของกาแฟต่อนมคือประมาณ 1:5 ซึ่งจะใกล้เคียงกับกรณีใช้กาแฟช็อตเดียวในถ้วย 5oz รสชาติก็น่าจะใกล้เคียงกัน
ขั้นต่อไป สมมุติว่าเราเปลี่ยนกาแฟเป็นกาแฟคั่วเข้มแล้วดึงช็อตสั้นลง ได้ TDS ต่อช็อตที่สูงขึ้น อย่างในภาพด้านบนเราใช้กาแฟ French Roast ที่คั่วเข้มหน่อย บด 20 กรัม ดึงช็อตแบบ ristrettononno (โคตรริสเตรตโต้) ได้ 17.2 กรัม TDS 18.2% รสชาติติดขมนิดๆ และไม่เปรี้ยวเลยเพราะ under extract เราลองใช้กาแฟดับเบิลช็อตในถ้วย 6oz ได้สัดส่วน 1:10 พอหาร TDS ออกมาก็เหลือ 1.56% อยู่ดี รสชาติกลมกล่อม นำมาด้วย roasted nut และหวานๆคาราเมล ไม่มีเปรี้ยวผลไม้ ส่วนตัวผู้ทดสอบติดรสชาติการดื่มกาแฟดำที่มี TDS อยู่ประมาณ 1.5% และคิดว่าการดื่มกาแฟให้อร่อยและสามารถได้รับรสกาแฟอย่างกลมกล่อมนั้นควรจะมี TDS สุดท้ายอยู่ประมาณ 1.5% ทั้งนี้ ตัวเลขเป็นเพียงค่าประมาณการเบื้องต้นเท่านั้น สุดท้ายก็ยังต้องชิมและถามความเห็นของลูกค้าครับ
ทีนี้ ชีวิตจริงเวลาลูกค้าเดินเข้าร้าน เค้าไม่รู้หรอกว่าถ้วยกาแฟแต่ละขนาด ช็อตกาแฟ TDS เท่าไหร่ ใช้กาแฟกี่กรัม เป็นหน้าที่ของบาริสต้าต้องเลือกสรรและปรับสูตรการชงให้เหมาะสมกับกาแฟที่ใช้และถ้วยกาแฟที่ใช้ด้วยครับ
Espresso Yen
ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ตื่นเช้ามานั่งอยู่เฉยๆสักพักเหงื่อก็ไหลออกมาได้ อาหารก็เผ็ดร้อน ดังนั้นไม่แปลกที่เครื่องดื่มอะไรที่เย็นๆจะขายดี ที่ต่างประเทศเวลาเข้าฤดูร้อนก็เห็นโปรโมทเมนูเย็นกันขึ้นมาขายทุกปี โลกนี้ก็นับวันจะร้อนขึ้นเรื่อยๆจนบาริสต้าไทยทนไม่ไหวถึงขนาดสร้างเมนู Espresso Yen ขึ้นมา และไม่มีใครสามารถลบมันออกไปจากสารบบกาแฟไทยได้
Happy Espresso เราได้คิดค้นสูตรการชงเอสเพรสโซเย็นขึ้นมาโดยมีแนวคิดผสมผสานระหว่างกาแฟโบราณกับกาแฟสมัยใหม่ เน้นความกลมกล่อมมากกว่าเข้มข้นหวานมัน ถ้าท่านอยากได้ประเภทแวะปั๊มซื้อจากอยุธยาขับไปจิบไปแล้วหมดที่ลำปางยังอร่อยอยู่ไม่ใช่สูตรนี้ครับ
เอสเพรสโซเย็นของเราประกอบด้วยส่วนผสมดังนี้
- กาแฟ Cento Espresso ที่เป็นกาแฟคั่วกลางตัวขายดีที่สุดตลอดกาลของเรา กาแฟตัวนี้มีรสเปรี้ยวเล็กน้อยสามารถทำร้อนได้เย็นได้ แนะนำให้ใช้กาแฟหลังจากคั่วประมาณ 10 วัน ชงดับเบิลช็อต ใช้ผงกาแฟประมาณ 18 กรัม ลากช็อตให้ยาวนิดนึง ประมาณ 2 ออนซ์ ไม่รวมครีมา (ถ้าใช้ตาชั่งจะได้น้ำหนักประมาณ 55-60 กรัม) ช็อตไหลประมาณ 30 วินาทีนับแต่เริ่มกดปุ่มชงกาแฟ กาแฟจะติดขมนิดๆ มีกลิ่นไหม้หน่อยๆ
- นมข้นหวาน เราทดลองแทบจะทุกยี่ห้อในท้องตลาด และพบว่าที่กลิ่นเข้ากับกาแฟเราดีที่สุดคือที่เขียนระบุไว้ว่าเป็น น ม ไม่ใช่ ค รี ม เ ที ย ม ครับ ที่ร้านเราใช้ยี่ห้อมะลิมาตั้งแต่ต้น เราใส่นมข้นหวานประมาณ 15 ซีซี หรือครึ่งออนซ์ ความหวานประมาณนี้จะตัดรสขมไหม้จากการลากช็อตกาแฟของเราพอดี เราต้องการแค่กลิ่นเฉพาะที่คนไทยคุ้นลิ้นกันมานาน
- นมข้นจืด แล้วแต่ว่าชอบกลิ่นของมันหรือไม่ ปกติเราไม่ใส่ แต่ถ้าอยากให้กาแฟมันขึ้น แนะนำให้ใส่ได้ประมาณ 10 ซีซี
- นมสดพาสเจอไรซ์ ประมาณ 4 ออนซ์ เลือกใช้ยี่ห้ออะไรก็ได้ตามสะดวก ที่ร้านเราใช้ Dalum ตัว Low Fat ครับ
ขั้นตอนการชง
- ตวงนมข้นหวานใส่ถ้วยตวงขนาด 8 ออนซ์ไว้
- บดกาแฟ ชงกาแฟ ลงในถ้วยตวงที่มีนมข้นหวานอยู่ คนเร็วๆ ให้กาแฟกับนมข้นหวานเข้ากันได้ดี
- ใส่นมสดพาสเจอร์ไรซ์ลงไป คนให้กาแฟเข้ากัน
- ตักน้ำแข็งอัดให้แน่นถ้วยพลาสติก 16 ออนซ์ ราดกาแฟที่คนผสมเสร็จแล้วลงไป ด้วยอุณหภูมิของกาแฟจะทำให้น้ำแข็งละลายเล็กน้อย
- ปิดฝาเสิร์ฟได้
Espresso Yen สูตรนี้จะได้เครื่องดื่มที่มีสีเข้มสวย ได้กลิ่นของกาแฟเกรดพรีเมี่ยม ความสมดุลกลมกล่อมของรสชาติ ดื่มได้ลื่นๆ ไม่ใช่ดูดสามปื๊ดหมด และยังสุขภาพดีเพราะหวานน้อยแต่ยังได้กลิ่นกาแฟอยู่ ทดลองนำไปชงกันได้ครับ แล้วได้ผลยังไงแจ้งข่าวกันบ้างนะครับ
Single Drip Coffee
สวัสดีครับ เรามีวีดีโอการชงกาแฟแบบ single drip มานำเสนอครับ สามารถคลิกที่ลิ้งค์ด้านล่างได้เลยครับ