appreciation เป็นคำนามมาจากคำกริยา appreciate ซึ่งรากศัพท์ของนี้มาจากภาษาอังกฤษโบราณ apprize เป็นคำสองคำผสมกันคือ ad+price ดังนั้นคำว่า appreciate จึงมีความหมายในทำนองว่า เห็นคุณค่า หรือยกย่องว่ามีค่าสูง ในโลกนี้มีหลายอย่างที่เมื่อมองเผินๆ ก็เหมือนไม่มีค่า จนเมื่อได้เข้าไปศึกษาเรียนรู้มัน เช่นวิชา music appreciation ก็เพื่อให้รู้จักคุณค่าที่มีอยู่ในบทเพลง ทำนองแบบนี้ เสียงแบบนี้ เรียกว่าไพเราะ การเรียนรู้ที่จะ appreciate สิ่งต่างๆ ในชีวิตก็คือการดำเนินชีวิตแบบคิดบวกอย่างหนึ่ง ท่ามกลางอุปสรรคและปัญหาต่างๆ เมื่อเรามองหาคุณค่าของสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ผ่านมานั้นก็จะทำให้ชีวิตเรามีความสุขขึ้น ยิ้มได้ง่ายขึ้น ปวดหัวน้อยลง และทางแก้ปัญหาก็จะปรากฏชัดเจนขึ้น
เกี่ยวอะไรกับกาแฟล่ะเนี่ย …
ในโลกของกาแฟ สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่โซฟาหนังตัวเขื่องในร้านกาแฟเก๋ๆ ที่นั่งแล้วจมลงในภวังค์ หรือเครื่องชงตัวละสี่ห้าแสนที่มีเทคโนโลยีล่าสุด หรือแชมป์บาริสต้าจักรวาลผู้มีปากพิชเชอร์พลิ้วไหวดั่งพู่กัน หรือนักคั่วกาแฟหูทองคำผู้ฟังสำเนียงการแคร๊กก็บอกได้ว่ากาแฟจะรสชาติเป็นอย่างไร ในโลกของกาแฟ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ส่วนประกอบที่พรรณนามาข้างบนคือสิ่งที่เราพยายามทำเพื่อให้คุณลูกค้าผู้มีอุปการะคุณนั้นรู้สึกถึงคุณค่าของเมล็ดกาแฟที่เราคัดสรรมาให้เขาได้ดื่มกัน และก็หวังเพียงว่าเราจะได้ยินลูกค้ากล่าวว่า “กาแฟร้านนี้อร่อยที่สุดเท่าที่เคยดื่มมาเลย เดี๋ยววันหลังจะพาเพื่อนมาชิม”
วิธีหนึ่งที่เราจะสร้างคุณค่าของเมล็ดกาแฟที่เราใช้ได้นั้น คือการหันมาหากาแฟ single origin เพราะเราจะได้สัมผัสถึงรสชาติประจำสายพันธุ์กาแฟที่ปลูกนั้น สัมผัสถึงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ปลูกกาแฟ สัมผัสถึงความใส่ใจของเกษตรกรในการดูแลรักษาสวนกาแฟ ถึงความปราณีตพิถีพิถันในการเก็บเกี่ยวและแปรรูป แม้ว่ากาแฟตัวนั้นจะไม่ใช่กาแฟที่สมบูรณ์แบบอย่างที่เอสเพรสโซในอุดมคติจะเป็น แต่ single origin เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเริ่มต้นรู้จักกาแฟแบบจริงจัง single origin ก็เหมือนกับการตกหลุมรักผู้หญิงสักคนหนึ่ง ที่แม้เธอจะไม่สมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่าง แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดแล้วก็มีสิ่งที่น่ารักน่ายกย่องอยู่เต็มไปหมด
กาแฟที่น่าตกหลุมรักเป็นอย่างไร อันดับแรกเลยต้องมีกลิ่นรสที่สะอาดปราศจากตำหนิ ซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวล้วนๆ อันดับที่สองคือต้องมีความหวาน เกิดจากการเก็บกาแฟที่สุกพอดีเท่านั้น ไม่ดิบไปหรือแก่ไป อันดับที่สามคือต้องมีกลิ่นรสที่เข้มข้นชัดเจน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ การบำรุงรักษา และสภาพแวดล้อมในการปลูก อันดับที่สี่ คือต้องผ่านการคั่วที่สามารถดึงเอากลิ่นรสที่เป็นจุดเด่นของกาแฟตัวนั้นออกมาได้อย่างดีเมื่อชงเป็นเอสเพรสโซ อันดับที่ห้า คือต้องชงด้วยบาริสต้าที่มีความเข้าใจ สามารถกลบจุดด้อยเน้นจุดเด่นของกาแฟตัวนั้นได้ไม่มากก็น้อย
แฮปปี้เอสเพรสโซพยายามแสวงหากาแฟไทยที่ดีจากชาวบ้านบนดอยที่ห่างไกล นำมาคั่วอย่างพิถีพิถันที่สุดเท่าที่สติปัญญาและความสามารถเราจะมี และหวังว่าทุกท่านจะ appreciate ความตั้งใจของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับกาแฟถ้วยนี้
ขอเก็บเรื่องน่ารัก ไปคุยที่บ้าน OK.nation.net เด้อ..เฮียบุ้ง ชอบ
ตามสบายเลยครับลุงรภ ขอบพระคุณครับผม
http://www.oknation.net/blog/cm-arabica/2013/06/17/entry-1
ชอบมากครับ
ติดตามอ่านตลอดครับ
ครับ อีกหนึ่งเสียง แต่เหนื่อยจริงๆ ที่ดูแลไร่กาแฟอยู่ ตอนนึ้
รวมเล่มเลยครับ อ่านสนุกเพลิดเพลิน ได้ความรู้ และเปิดมุมอง