สืบเนื่องจากโพสต์เก่าเมื่อปีที่แล้ว เรื่องการจับคู่ให้ร้านกาแฟรู้จักกับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ปีนี้เราได้ขึ้นไปติดตามผลว่าสิ่งที่เราได้พยายามเน้นย้ำกับเกษตรกรได้เกิดผลอย่างไรบ้าง
สิ่งแรกทีเห็นเลยคือ เครื่องโม่เปลือกผลกาแฟสดตัวใหม่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในบ้าน ปีที่แล้วกาแฟค่อนข้างมีปัญหากับเรื่องเครื่องกัดเมล็ดพอสมควร ทำให้ต้องเสียเวลามาคัดออก และทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ผมสอบถามได้ความว่าที่เลือกยี่ห้อนี้เพราะมีผู้แนะนำมาว่าใช้ดี ไม่กัดเมล็ด
พอไปเปิดฝาถังที่หมักกาแฟดูก็ยิ่งประทับใจมากขึ้น เพราะปีที่แล้วเราพบว่าชาวบ้านใช้เทคนิคการหมักแบบใส่น้ำท่วมเมล็ดกาแฟ แล้วก็ปล่อยให้ ferment วันสองวัน เพราะคิดว่าอากาศเย็น แล้วบางทีก็ลืมบ้าง บางทีก็มีธุระปะปังบ้าง ทำให้การเปลี่ยนน้ำและล้างกาแฟไม่บ่อยเท่าที่ควร กาแฟจึงมีกลิ่นไม่สะอาดบ้าง เราได้แนะนำเทคนิคแบบหมักแห้ง ทำให้ภาระในการล้างกาแฟลดลง กาแฟโดยรวมรสชาติสะอาดและหวานขึ้น
ส่องเข้าไปในเต๊นท์โต๊ะตาก เห็นกาแฟกะลาที่แม้จะไม่ได้ขาวสวยเหมือนบางที่ แต่กลิ่นนั้นสะอาดดีไม่มีเหม็นเปรี้ยว แสดงให้เห็นว่าทิศทางที่เราเดินมานั้นถูกต้องแล้ว เหลือเพียงแต่รอให้กาแฟแห้งสนิท แล้วเอาลงมาคั่วชิมรสชาติ เพื่อยืนยันว่าเราได้ก้าวหน้าไปอีกหนึ่งก้าวเล็กๆ ในการพัฒนากาแฟไทยให้มีมาตรฐานดีขึ้น