การปรับปรุงคุณภาพผลผลิตกาแฟไทยให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ นั้น สามารถทำได้ตั้งแต่ขั้นตอนการแปรรูป (processing) การเก็บเกี่ยว (harvesting) เรื่อยไปจนถึงการตัดแต่งกิ่ง การทำความสะอาดสวนกาแฟ ที่รวมๆ เรียกว่า husbandry หรือการเป็นสามีที่ดี คำว่าสามีเป็นศัพท์อังกฤษโบราณที่แปลว่าชาวนาชาวสวน ดังนั้นถ้าชาวไร่ชาวสวน (husbandman) ไม่รักเดียวใจเดียวกับงานที่ทำ คงจะทำให้ผลผลิตคุณภาพออกมาดีไม่ได้
จากการเข้าไปดูการเก็บเกี่ยวกาแฟตามดอยต่างๆ ทางภาคเหนือมาหลายปีพบว่าส่วนใหญ่ยังมีปัญหาอยู่มาก ภาพด้านล่างนี้เป็นกาแฟจากหมู่บ้านหนึ่งในอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งผมถือว่าเป็นสุดยอดตัวอย่างแย่ๆ ในการเก็บกาแฟ เพราะมีทั้งเมล็ดสุก เมล็ดดิบ ใบไม้ และตะปู ซึ่งเป็นสิ่งแปลกปลอมที่สามารถทำอันตรายได้ทั้งคนและเครื่องจักร
ลุงชาวกะเหรี่ยงกำลังสูบบุหรี่ฉุยและเก็บกาแฟที่ปลูกไว้หลังบ้านในอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ดูเผินๆ เหมือนเป็นงานสบาย น่าเพลิดเพลินอยู่ไม่น้อย
มาดูผลงานของลุงกันหน่อย ถือว่าค่อนข้างดี แต่ไม่ดีมากเท่าไหร่ ยังมีผลที่ไม่ค่อยสุกปะปนมา
มาดูกาแฟระดับโลกบ้างว่าเขาทำอย่างไรกัน ผมไปเจอรูปนี้ในเว็บเมืองนอกเลยถือวิสาสะก็อบลงเครื่องแล้วพิมพ์ไปให้ชาวสวนกาแฟไทยดู นานเข้าเลยจำไม่ได้ว่าก็อบมาจากไหน รู้แต่ว่าใช้เวลาเก็บแค่ครึ่งวัน และเป็นไร่กาแฟแห่งหนึ่งในประเทศเอลซัลวาดอร์
คนที่เคยไปเที่ยวสวนกาแฟมาคงเคยได้ลงมือเก็บกาแฟกันบ้าง จะทราบดีว่าการจะเก็บเฉพาะผลสุกเต็มที่อย่างในภาพด้านบนนั้นไม่ยากเลย แต่จะเสียเวลาหน่อยที่จะต้องมองหาผลที่สุกจริงๆ หากเก็บทุกวันจนชำนาญคุ้นเคยแล้วสามารถเก็บได้วันละเกือบร้อยกิโลเลยทีเดียว เพราะเวลาเด็ดแค่สะกิดนิดเดียวแทบไม่ต้องออกแรง ต้นกาแฟก็ไม่ช้ำ
ผมพยายามแนะนำชักจูงให้ชาวไร่กาแฟเก็บผลสุกเต็มที่ และไม่ใช่แค่ด้วยคำพูดเท่านั้น แต่เข้าไปเก็บด้วยกันในสวนเลย ให้รู้ว่าแบบไหนเอาแบบไหนไม่เอา ให้เห็นว่ามันไม่ยาก คนกรุงเทพก็เก็บได้
ก็ปรากฏว่าเก็บได้แดงจริงๆ ครับ แต่ได้แค่ที่เห็นนี้ พอผมออกจากสวนนี้ไปดูสวนอื่น พวกคนงานเหล่านี้ก็ขี้เกียจ หมดวันเจ้าของสวนเอากาแฟมาขาย เทกาแฟที่เก็บมาลงในกระบะก็พบว่าไม่แดงเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เป็นแค่แดงครึ่งลูก (แดงเทียม) แล้วก็บ่นว่าคนงานไม่อยากเก็บเพราะยาก ได้กาแฟน้อย ขนาดให้ค่าเก็บกิโลละหกบาทยังไม่เอา วันนี้เก็บได้ยี่สิบโล ผมปฏิเสธไม่ซื้อเพราะไม่อยากให้กาแฟไม่ดีมาปะปนกับกาแฟดี เจ้าของสวนก็เลยบอกว่าไม่เอาละ เลิก เก็บไปมั่วๆ แบบนี้แหละ เอาไปแปรรูปแบบมั่วๆ ให้เป็นกะลา รอพ่อค้าเข้ามารับซื้อ มีหลายคนเข้ามาแย่งกันซื้อหน่อยก็เรียกราคาได้
ตกค่ำนั่งล้อมวงจุดเทียนกินข้าวกัน ก็ได้มีโอกาสคุยกับชาวบ้านหลายคนที่เป็นเจ้าของสวน ทุกคนรู้ว่ากาแฟได้เงินดี แต่ยากตอนเก็บเกี่ยว บ่นกันใหญ่ว่างานหนัก งานยาก ผมก็เลยถามว่า แล้วปลูกผักกะหล่ำไม่ยากเหรอ ต้องโค่นป่าเป็นแถบๆ ต้องขุดดิน ใส่ปุ๋ย พ่นยา คนพ่นยาก็ทยอยตายกันไปทีละคน ผมว่ากาแฟง่ายแล้ว ปลูกในป่า ถางหญ้านิดหน่อย แดดไม่ร้อน ใส่ปุ๋ย ตัดแต่งกิ่ง ดูแลความสะอาดในสวนนิดหน่อย งานจะหนักตอนเก็บเกี่ยวกับแปรรูป เงินน่ะอยากได้ แต่ไม่อยากทำงานหนัก เลยเป็นหนี้กองทุนหมู่บ้านกัน
ยังดีครับ หมู่บ้านนี้มีหลายคนที่สนใจทำกาแฟดีๆ อยู่ ก็เริ่มเก็บกาแฟแดงๆ ตามที่ผมพยายามโน้มน้าว ก็พอมีหวังบ้างครับ
นับว่าดีที่สุดแล้วครับ
ประทับใจการเก็บเมล็ดกาแฟที่มีแต่ผลแดงสุกจริงๆ
โดนใจคำว่า ปลูกกะหล่ำไม่เหนื่อยกว่าเหรอ เนี่ยแหละ ปลูกกะหล่ำเหนื่อยมากจริงๆ และมักขาดทุนบ่อยๆ