พักหลังๆ มานี่ได้รับโทรศัพท์จากผู้ที่ต้องการขายกาแฟดิบค่อนข้างบ่อยครับ เป็นเกษตรกรมั่ง เป็นพ่อค้าแม่ค้ามั่ง ก็สอบถามกันไปว่าเป็นกาแฟจากดอยไหน จะขายที่กี่กิโลละกี่บาท มีอยู่กี่กิโล แล้วก็ขอตัวอย่างมาชิมกัน เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของผมไปแล้วว่าเวลาขอตัวอย่างนี่จะขอซื้อกันเป็นกระสอบเลยครับ เพราะเราจะทดสอบกับเครื่องคั่วตัวใหญ่ที่เราคั่วกันปกติเลย
กาแฟอราบิก้าส่วนใหญ่ของบ้านเราก็นับว่าทำกันได้ดีพอสมควรครับ เวลาชงเป็นเอสเพรสโซก็มีกลิ่นที่สะอาดพอตัว แต่จะแตกต่างกันตรงรสชาติและอาฟเตอร์เทสต์นี่แหละครับ ซึ่งฝีมือการแปรรูปกาแฟของแต่ละเจ้าก็จะเฉือนกันก็ตรงนี้ กาแฟที่แปรรูปมาดีจะมีกลิ่นสะอาด ถ้ามาจากแหล่งที่ดีก็จะมีกลิ่นที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ รสชาติขมและเปรี้ยวมากน้อยตามระดับการคั่ว แต่ที่สำคัญต้องมีรสหวานตอนจบ ความหวานนี่ไม่เหมือนดื่มน้ำอัดลมแต่จะเป็นหวานฉ่ำๆ ไม่ระคายคอ ซึ่งความต่างตรงนี้แม้จะคั่วเข้มและนำไปชงเป็นกาแฟเย็นก็ยังสัมผัสได้
กาแฟที่รสชาติมีปัญหาเมื่อเราย้อนกลับไปเปิดกระสอบดูก็พบว่าเมล็ดกาแฟดิบจะมีตำหนิ ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อคัดกาแฟที่มีตำหนิออกแล้วก็จะได้รสชาติที่ดีขึ้นบ้าง แต่เมื่อเทียบกับกาแฟที่เราทดลองทำอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นก็นับว่าผิดกันมากครับ ดังนั้น กาแฟที่ดีก็ย่อมมีราคาต้นทุนที่สูงกว่ากาแฟที่ราคาต่ำเป็นธรรมดา เพราะมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า
เราสรรหาวัตถุดิบที่รสชาติเป็นหลักครับ แม้จะมีราคาสูงกว่ากาแฟที่ขายกันทั่วๆ ไป เพื่อให้ลูกค้าของเรามั่นใจได้ว่ากาแฟที่ชงๆ ขายกันอยู่นั้นจะมีรสชาติกลมกล่อม ไม่บาดคอ จึงเป็นเหตุให้ราคาขายของเราค่อนข้างสูงกว่าปกติโดยทั่วไปครับ