
จั่วหัวมาแบบนี้อาจจะฟังดูโอเวอร์ไปหน่อย แต่ช่วงนี้กำลังสนใจเรื่องเครื่องบดกาแฟแบบ single dose สำหรับใช้ที่บ้าน และทาง Beanshere ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายเครื่องบดกาแฟระดับไฮเอนด์ยี่ห้อ Bentwood ได้กรุณาให้เครื่องมาทดสอบดู ระหว่างนั้นได้พูดคุยปรึกษากับเพื่อนๆ หลายคนให้ความเห็นว่าเครื่องบดตัวนี้ให้รสชาติกาแฟที่สุดยอดมาก แต่อาจจะไม่เหมาะกับการใช้งานแบบ single dose ที่กำลังหาอยู่ เลยลองไปปรึกษา AI ว่าเครื่องบดกาแฟที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไร
วัตถุประสงค์ในการใช้งานเครื่องบดกาแฟแบบ single dose คือ บดกาแฟทีละน้อยๆ พอชงกาแฟแค่ถ้วยหรือสองถ้วย และสามารถเปลี่ยนกาแฟไปได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องถอดเฟืองออกมาทำความสะอาดผงกาแฟของตัวก่อนที่หลงเหลืออยู่ในเครื่องบดเพราะกลัวว่าจะมาปะปนกับกาแฟตัวใหม่

เอาจริงๆ จากรูปที่ลองถอดออกมาดูพบว่ามีผงกาแฟเหลืออยู่บ้างตามจุดต่างๆ ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเครื่องบดกาแฟเอสเพรสโซที่เคยผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงช่องที่เป็นทางออกของผงกาแฟซึ่งปกติจะมีกาแฟติดอยู่ค่อนข้างมาก แต่ Bentwood ตัวนี้มีผงกาแฟเหลืออยู่น้อยมาก น่าจะเพราะการวางฟันบดในแนวตั้ง แรงโน้มถ่วงของโลกช่วยดึงผงกาแฟไหลออกจากเครื่องบดได้เร็วและไม่ติดค้างอยู่ข้างใน
ส่วนตัวคิดว่าจุดที่จะแยกความแตกต่างระหว่าง single dose grinder ออกจากเครื่องบดกาแฟปกติทั่วไป ก็น่าจะมีแค่จุดนี้จุดเดียวแหละ

ประการที่สองของเครื่องบดกาแฟที่ดี คือความแม่นยำของการตั้งศูนย์ของฟันบดทั้งสองตัวให้ได้ระนาบที่สุด ซึ่งมีผลมากๆ ต่อการกระจายตัวของผงกาแฟขนาดต่างๆ ที่บดได้ ยิ่งฟันบดมีขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ ยิ่งต้องมีความแม่นยำในการตั้งศูนย์มากเท่านั้น สำหรับ Bentwood ตัวนี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางฟันบด 63 มม. ถือว่าเป็นขนาดกลางๆ อาจจะไม่ต้องเป๊ะขนาดไมครอนก็ได้

ประการที่สาม อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว เครื่องบดกาแฟปกติจะยึดฟันบดกับเครื่องด้วยน็อต การมีรูน็อตทำให้ผงกาแฟติดอยู่ในรูน็อต และการไหลของผงกาแฟผ่านฟันบดอาจจะไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร (จินตนาการว่าเรากำลังตัด/บดกาแฟด้วยมีดที่มันบิ่นไป) สองรูปด้านล่างเป็นฟันบดของ Ditting 804 กับ Ditting 805 (หรือที่มีอีกชื่อว่า Mahlkonig Tanzania) ที่มีลักษณะเหมือนกันทุกประการแต่ไม่มีรูน็อต วิธีการยึดฟันบดแบบไม่ให้มีรูน็อตก็มีหลายแบบด้วยกัน เช่นใช้แม่เหล็กแรงสูง หรือยึดน็อตจากด้านข้างหรือด้านหลัง กูรูกาแฟในเน็ตหลายคนให้ความเห็นว่ารูน็อตอาจจะไม่ได้ส่งผลต่อรสชาติเท่าไหร่ และปัจจัยอื่นๆ ของเครื่องบดกาแฟอาจส่งผลต่อคุณภาพของกาแฟบดมากกว่า ซึ่งถ้าจับมาชิมเปรียบเทียบก็น่าจะจริง แต่ส่วนตัวเกลียดการทำความสะอาดกาแฟในรูน็อตมาก และถ้าเลือกได้ก็อยากได้แบบไม่มีรูน็อตมากกว่า


ปัจจุบันเครื่องบดกาแฟตัวเล็กๆ ราคาไม่แพงแบบ home grinder ก็มีหลายตัวที่เริ่มใช้ฟันบดแบบไม่มีรูน็อต หรือที่เรียกว่า blind burr แล้ว เช่น Ceado Life X ซึ่งเค้าโฆษณาว่าแม้จะมีขนาดกระทัดรัดเพียง 50 มม. แต่ให้พื้นที่หน้าตัดเท่ากับฟันบดขนาด 60 มม. เพราะแค่ไม่มีน็อต!


ประการสุดท้ายคือเรื่องการปรับระยะห่างของฟันบด เนื่องจากเครื่องบดแบบ single dose จะเปลี่ยนกาแฟบ่อย และกาแฟแต่ละตัวก็จะต้องการความละเอียดที่ไม่เท่ากันในการชงแต่ละครั้ง อาจจะเปลี่ยนอุปกรณ์การชงไปเรื่อยๆ ซึ่งการปรับระยะห่างแบบ stepless ที่ง่ายและแม่นยำทำให้การชงกาแฟสะดวกสบายขึ้น


นอกนั้นก็จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น การออกแบบ รูปร่างหน้าตา การจัดวางปุ่มต่างๆ ที่กระทบต่อ workflow การชงกาแฟ วัสดุที่ใช้ผลิตตัวเครื่องและฟันบด เดี๋ยวนี้ผู้ผลิตก็มีการชุบเคลือบฟันบดด้วยวัสดุต่างๆ กันเพื่อเพิ่มความแข็งให้ตัดบดเมล็ดกาแฟได้ง่ายขึ้น เพิ่มความลื่นให้กาแฟไหลผ่านออกไปได้ง่ายขึ้น ซึ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อรสชาติของกาแฟบ้างไม่มากก็น้อย

โพสต์นี้พูดถึงแต่ฟันบดแบบแบน (flat burrs) แล้วฟันบดแบบทรงกรวย (conical) ล่ะ โดยธรรมชาติไม่มีรูน็อตขวางกลางอยู่แล้ว ผงกาแฟไหลจากบนลงล่าง และให้รสชาติที่แตกต่างจากแบบแบนพอสมควร ซึ่งก็แล้วแต่คนว่าชอบกาแฟรสชาติแบบไหน มองหารสชาติแบบไหนในกาแฟแต่ละตัว
โดยสรุป Bentwood อาจจะไม่ใช่ perfect single dose grinder ตามที่หลายคนได้ให้ความเห็นไว้ แต่เป็นเครื่องบดคุณภาพสูงจากสวิสเซอร์แลนด์ ให้รสชาติอันมีเอกลักษณ์ที่ดี มี workflow การทำงานที่ง่าย และเมื่อใช้เป็นเครื่องบดแบบ grind on demand ให้ปริมาณผงกาแฟที่แม่นยำมาก
ส่วนผมก็ต้องหาเครื่องบดกาแฟแบบ single dose ขนาดกระทัดรัดสำหรับใช้ในบ้านต่อไปครับ