ขอฉลองครบรอบ 50 ปีของกาแฟ Specialty Coffee Movement และครบรอบ 50 ฝน 50 หนาวของผมเองด้วยโพสต์นี้ครับ หลายคนคงทราบประวัติของ Specialty Coffee ที่ริเริ่มโดยคุณ Erna Knutsen แล้ว ซึ่งผมจะขอไม่กล่าวถึงในรายละเอียด แต่จะลองเล่าความคิดเห็นส่วนตัวที่มีต่อ Specialty Coffee ละกัน
ผมเริ่มสนใจกาแฟจริงๆ จังๆ เมื่ออายุ 30 หรือประมาณ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งก็กระโดดเข้าสู่คำว่า specialty เลยเพราะส่วนตัวที่เรียนมาทางด้านการตลาด ก็รู้สึกถูกโฉลกกับแนวคิดการสร้างความแตกต่างของ specialty กับกาแฟปกติ เริ่มชงกาแฟเปรี้ยวๆ เรียนรู้จักกาแฟคุณภาพ และเมื่อหากาแฟที่ถูกใจไม่ได้ก็เริ่มคั่วกาแฟเอง เริ่มขึ้นดอยไปเรียนรู้กาแฟจากแหล่งปลูก เรียกว่าในช่วงชีวิตแรกๆของกาแฟก็หมุนอยู่รอบๆแนวคิดพวกนี้

จนเมื่อเวลาผ่านไป ชีวิตพลิกผัน ได้วางมือจากวงการ specialty มาสักพักใหญ่ๆ ก็รู้สึกว่า คำว่า specialty นี่มันเหมือนวิสัยทัศน์อุโมงค์ (tunnel vision) เหมือนกันนะ คือมันทำให้เราพุ่งความสนใจไปที่จุดๆนึงตรงหน้า และอะไรที่ผ่านเข้ามารอบๆตัวเราเลือกที่จะไม่มองมัน (ซึ่งหลายๆครั้งเป็นคำเตือนจากคนรอบข้าง) เจ้า tunnel vision นี้ จะว่าดีก็ดี คือเรามีเป้าหมายชัดเจน จะว่าไม่ดีก็ไม่ดี เพราะมันทำให้เราเสียโอกาส ไม่ได้มองมุมอื่นๆให้ครบถ้วนรอบด้าน และบางทีไม่ได้มองว่าเป้าหมายที่เราพุ่งไปนั้นคือสิ่งที่ถูกต้องจริงๆหรือเปล่า
แต่ที่จริงคือกระแส specialty ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมกาแฟมากมาย ไล่ตั้งแต่วิธีการแปรรูปกาแฟใหม่ๆ เครื่องชงเครื่องคั่วกาแฟสุดไฮเทค รวมถึงการสร้างสรรค์เครื่องดื่มที่ทำให้ประสาทสัมผัสของเราตื่นเต้นตลอดเวลา ซึ่งก็ทำให้ผมสนุกกับอะไรใหม่ๆและเสียตังค์ไปกับการกลัวตกเทรนด์อยู่ไม่น้อย แต่พอเข้า 50 อายุมากขึ้นเริ่มตามเทรนด์ไม่ทันก็เริ่มหันมามองมุมอื่นๆบ้าง เช่นความเก่งกาจของแบรนด์ที่สามารถขยายสาขาไปได้ทั่วโลกคืออะไร หรือจุดแข็งของร้านกาแฟในจีนที่เติบโตได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้นคืออะไร หรือเทคโนโลยีอะไรบ้างที่อยู่ในกาแฟแคปซูลที่ทำให้เราย้อนกลับมาประเมินกรรมวิธีการชงกาแฟเอสเพรสโซที่เรายึดติดกับมันราวกับพิธีกรรมทางศาสนา

เมื่อถอดแว่นตาที่ทำให้เราโฟกัสแต่คำว่า specialty ออกไปบ้าง เราจะเห็นสิ่งรอบตัวมากขึ้น เห็นความงามในความแมสได้มากขึ้น เช่นคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ชอบกาแฟเปรี้ยว เราเอาความรู้ในการสกัดกาแฟที่ได้จากการชงกาแฟเปรี้ยวมาปรับใช้กับกาแฟขมเพื่อให้รสชาติดีขึ้น ร้านกาแฟเชนใหญ่ระดับโลกทั้งเก่าและที่เพิ่งเกิดใหม่ใช้เครื่องชงแบบออโต้กันหมดแล้ว เพราะด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันมันสามารถชงกาแฟได้รสชาติไม่ได้ด้อยไปกว่าเครื่องชงแมนนวลเลย
ปีนี้เป็นปีที่มีอะไรเกิดขึ้นหลายอย่าง ทั้งราคาผลผลิตกาแฟและโกโก้ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์เนื่องจากโลกร้อน ทำให้เราต้องหันกลับมาประเมินอุตสาหกรรมกาแฟกันใหม่ ยอดขายเครื่องชงกาแฟที่ซบเซาเนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวลงทั่วโลก เครื่องชงกาแฟจากจีนที่เริ่มมีคุณภาพและเทคโนโลยีสูงขึ้นกับความสามารถในการผลิตอันมหาศาลจะกระทบต่อผู้ประกอบการน้อยใหญ่อย่างไร